ย้อนรอยนิยายวิทยาศาสตร์ ชุด สเปคตรัม+ไดเมนชั่น
หลังจากห่างหายการทำบทความ (copy & paste) มานาน เนื่องในวันดีวันตรุษจีนปีนี้ (25 มกราคม 2552) เด็กเก็บร้านก็ได้รวบรวมหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์สองชุดที่จัดเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ในยุคเฟื่องฟูคือช่วงปี 1970 หรือยุคเซเว่นตี้ส์
นิยายวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยมีการเขียนหรือมีการแปลมาแล้วเป็นระยะเวลายาวนาน แต่ถ้านับกันแบบที่แพร่หลายจริงๆ ผู้รู้อย่างสิงห์สนามหลวง ยกให้ จันตรี ศิริบุญรอด เป็นบิดาแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ไทย (ผลงานของท่านผู้นี้มีมากมายในโอกาสถัดไปเด็กเก็บร้านจะรวบรวมผลงานของท่านที่พอมีเก็บสะสมไว้บ้างมาจัดทำบทความในโอกาสถัดไป) หลังจากที่ท่านเสียชีวิตลงในปี 2511 วงการนิยายวิทยาศาสตร์ได้เริ่มมีการแปลเรื่องสั้นจากต่างประเทศและนำมารวมเล่มจำหน่ายออกมาในหลากหลายรูปแบบ อาทิ อำพัน , เนบิวล่า , กาแลคซี่ หรือแม้กระทั่ง หนังสือในเครือ ชัยพฤกษ์ ซึ่งเป็นหนังสือสำหรับเด็ก
สำหรับหนังสือชุดที่นำเสนอครั้งนี้ ได้นำเอาหนังสือชุดที่พิมพ์อยู่ในเครือเดียวกันมานำเสนอคือหนังสือชุด สเปคตรัม และ ไดเมนชั่น โดยสามารถชมภาพปกทั้งหมดได้โดยการคลิกที่นี่ ===>> นิยายวิทยาศาสตร์ ชุด สเปคตรัม+ไดเมนชั่น
http://www.su-usedbook.com/product.detail_174080_th_2042066
สเปคตรัม
สเปคตรัม เป็นหนังสือปกอ่อน กระดาษธรรมดา ขนาดประมาณ 130x180 มม. จัดพิมพ์โดย สนพ.คอลเลจ บุคส์ (College Books) เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ประเภทเรื่องสั้น และเรื่องยาวแบบจบในเล่ม ซึ่งเป็นผลงานลำดับที่ 4 ของสำนักพิมพ์
สเปคตรัม น่าจะปิดตำนานการพิมพ์ที่เล่ม 10 เป็นเล่มสุดท้าย เท่าที่ตรวจสอบพบในคำนำของ ไดเมนชั่นเล่ม5 ระบุว่าจะตีพิมพ์ สเปคตรัมเล่ม11เรื่องนรกใต้ทะเลฝุ่น แต่เรื่องนรกใต้ทะเลฝุ่นได้ตีพิมพ์จริงในปี พ.ศ.2523 ภายใต้ชื่อชุดของ "ออบิท" ไม่ใช่สเปคตรัม
"...การทำหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยเรา ยังจำกัดอยู่ในวงแคบ มีผู้จัดทำเพียง 4-5 รายเท่านั้น และการออกหนังสือก็เป็นในแบบรายสะดวก ผู้จัดทำรายที่ยิ่งยงที่สุดเห็นจะได้แก่ "กาแลคซี่" ซึ่งก็ได้แตกแขนงผลิดอกผลออกมาเป็น "เนบิวล่า" และ "สเปคตรัม" ดังที่ท่านเห็นอยู่แล้ว..."บางตอนจากคำนำของ สมเกียรติ เจิ่งประภากร ใน สเปคตรัมเล่ม1
สเปคตรัม1
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2517 หนา 234 หน้า ในการจัดพิมพ์เล่มนี้ ไม่ได้ระบุชื่อเรื่อง ชื่อผู้เขียน และชื่อผู้แปล ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
-สงครามอนาคต
-กำเนิดมวล
-ชั่วฟ้าดินสลาย
-โลกใหม่
-ระฆังมรณะ
-ผู้รอคอย
-แผนสยอง
สเปคตรัม2 จุดดับแห่งนิรันดร์ (The End of Eternity)
ผลงานของ ไอแซค อาสิมอฟ (Isaac Asimov) แปลโดย ภาพรรณ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2517 หนา 416 หน้า
"โลกอนาคต...โลกแห่งความนิรันดร์...โลกซึ่งจะคงอยู่ไปชั่วกัลปาวสาน...
เรื่องของการเดินทางเข้าไปในเวลา เพื่อควบคุมเปลี่ยนแปลงสภาวะความเป็นอยู่ต่างๆในโลกด้วยเทคนิควิทยาการอันสูงล้ำเพื่อให้ได้มาซึ่งสังคมมนุษย์ที่เหมาะสมและสมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ แอนดรูว์ ฮาร์แลน หนึ่งในบรรดามนุษย์นิรันดร์ ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสภาวะแท้จริงบางอย่างซึ่งนำไปสู่ความสูญสิ้นของนิรันดร์กาลเพื่อความรักอันยิ่งใหญ่ของเขา..."
สเปคตรัม3
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518หนา 252 หน้า ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
1.ปฏิวัติอุตสาหกรรม แปลโดย ยรรยง เต็งอำนวย (Galley Slave by Issac Asimov)
2.ฝุ่นสังหาร แปลโดย ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ (The Dust of Death by Isaac Asimov)
3.สุดเอื้อม แปลโดย กาญจนา คำสุวรรณ (Out of Reach by Brian Aldiss)
4.ความฝันอันสูงสุด แปลโดย กวิน ชุติมา (With Folded Hands by Jack Williamson)
5.ดาวเทียมมนุษย์ แปลโดย ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ (Something Up There Likes Me by Alfred Bester)
สเปคตรัม4 โลกอนาคต สถาบันสถาปนา (Foundation)
ผลงานของ ไอแซค อาสิมอฟ (Issac Asimov) แปลโดย บรรยงก์ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518 หนา 337 หน้า
"เมื่อเริ่มแปล ผมคาดไม่ถึงว่าเรื่องโลกอนาคต ที่ท่านถืออยู่ในมือขณะนี้จะซาบซึ้งถึงใจ ขนาดต้องออกปากกับตัวเองว่า "เด็ดจริงๆให้ดิ้นตาย" และผมก็ออกปากเช่นนี้จริงๆเมื่อแปลต่อๆไป ยิ่งแปลยิ่งมัน จนจบแล้วยังไม่สมใจอยาก...บางส่วนจากคำนำของผู้แปล
หนังสือลำดับที่หนึ่งในชุดสถาบันสถาปนา
จักรวาลที่ประกอบด้วยดาวเคราะห์นับล้านดวง รวมเป็นอาณาจักรเดียว จักรวรรดิสากลจักรวาล มีอาณาเขตจากปลายหนึ่งจรดอีกปลายหนึ่งของทางช้างเผือก มีพลเมืองกว่าล้านกำลังสี่ (1,000,0004) มีมหาจักรพรรดิเป็นประมุข แต่ก็เฉกเช่นอาณาจักรต่างๆ ในอดีตที่มีรุ่งก็มีดับ จักรวรรดิสากลจักรวาลนี้กำลังเริ่มเสื่อมโทรมลง แต่ด้วยเหตุที่ว่าใหญ่ยิ่งกว่าใหญ่ อาการเสื่อมโทรมจึงค่อยเป็นค่อยไป โดยจะกินเวลาถึง 30,000 ปี โชคดีที่ ฮาริ เซลด็อน นักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้บุกเบิกวิชาการด้านอนาคตประวัติศาสตร์ (psychohistory) ได้คิดแก้ไข ย่น ช่วงว่างนั้นให้สั้นลงเหลือเป็นอนารยะยุคเพียง 1,000 ปี โดยการก่อตั้งสถาบันสถาปนา ขึ้น
โลกอนาคต : สถาบันสถาปนา เล่าถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับการก่อตั้งสถาบันสถาปนาแห่งแรก อันเป็นไปตามแนวทางที่คำนวณเอาไว้ล่วงหน้าด้วยวิทยาการอนาคตประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ
สารบัญ
ภาคที่ 1 นักอนาคตประวัติศาสตร์
ภาคที่ 2 คณะผู้สร้างเอนไซโคลปิเดีย
ภาคที่ 3 นายกเทศมนตรี
ภาคที่ 4 กลุ่มพ่อค้า
ภาคที่ 5 จ้าวแห่งพ่อค้า "
สเปคตรัม5 โลกอนาคต สถาบันสถาปนาและจักรวรรดิ (Foundation and Empire)
ผลงานของ ไอแซค อาสิมอฟ (Issac Asimov) แปลโดย บรรยงก์ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518 หนา 354 หน้า
"หนังสือลำดับที่สองในชุดสถาบันสถาปนา
ฮาริ เซลด็อน ปรมาจารย์ผู้ค้นคิดวิชาอนาคตประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถทำนายอนาคตของสังคมและจักรวาลโดยรวมได้อย่างแม่นยำ ได้วางแผนการเพื่อแก้ไขความเสื่อมโทรมของจักรวาล โดยก่อตั้งสถาบันสถาปนาขึ้นสองแห่ง แห่งแรกเปิดเผย แห่งที่สองปิดบังลึกลับ ไม่มีใครหาพบ แต่ละแห่งตั้งอยู่คนละสุดปลายของกาแลกซีทางช้างเผือก สถาบันสถาปนาแห่งแรกผจญวิกฤติการณ์สามสี่ครั้งแทบเอาตัวไม่รอด แต่ด้วยการดำเนินกุศโลบายตามแผนที่ทำนายไว้ โดยวิชาอนาคตประวัติศาสตร์ อุปสรรคทั้งหลายที่ร้ายแรงดั่งไม่มีหนทางแก้ไข ก็บังเอิญให้สลายไปในนาทีสุดท้ายทุกทีไป หลังสองร้อยปีแรกผ่านพ้น อำนาจของสถาบันสถาปนาแห่งแรก ก็เริ่มถูกท้าทายโดยจักรวรรดิ ซึ่งถึงแม้จะเสื่อมโทรมลงมาก แต่ก็ยังมีความเข้มแข็งอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งการเผชิญหน้านี้ก็ไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของแผนการเซลด็อน และน่าจะผ่านพ้นไปด้วยดี หากไม่มีตัวแปรอื่นเข้ามาแทรกแซงเสียก่อน แต่แผนการที่วางไว้จะอย่างไรก็ไม่ถึงกับสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะได้เกิดมีมนุษย์กลายพันธุ์แปลกประหลาดนามว่า มโนมัย ซึ่งดูเหมือนแผนการของเซลด็อนจะคาดไม่ถึงว่าจะมีขึ้น ได้เข้ามาขวางวิถีแห่งอนาคตประวัติศาสตร์จนไขว้เขว ถึงขนาดสถาบันสถาปนาแห่งแรกล่มสลายกลายเป็นเมืองขึ้นของมโนมัยไปอย่างราบคาบ ด้วยอำนาจจิตหรือ มโนมยิทธิ (มโนมัย + อิทธิ) ของมัน มีคนใจเด็ดอยู่เพียงคนเดียว และเป็นหญิงเสียด้วย ที่ยืนหยัดต่อต้านอำนาจของมโนมัย นามของเธอคือ เบย์ตา แต่คนทั้งสากลจักรวาลก็แพ้ราบไปแล้ว เธอมีทางอย่างไรถึงจะเอาชนะมนุษย์ประหลาดตนนั้น ..."
สเปคตรัม6 โลกอนาคต สถาบันสถาปนาแห่งที่สอง (Second Foundation)
ผลงานของ ไอแซค อาสิมอฟ (Issac Asimov) แปลโดย บรรยงก์ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518 หนา 346 หน้า
"หนังสือลำดับที่สามในชุดสถาบันสถาปนา
หลังผ่านการเคี่ยวกรำของสถานการณ์กว่าสองร้อยปี และรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้อย่างหวุดหวิดหลายครั้ง ในที่สุดสถาบันสถาปนาแห่งที่หนึ่งก็พ่ายแพ้แก่อำนาจของคนครึ่งมนุษย์นาม มโนมัย ซึ่งแผ่ขยายครอบคลุมไปทั่วจักรวาล แม้แต่แผนการเซลด็อนที่มีการคาดคำนวณไว้อย่างดี ก็ไม่อาจผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
ความหวังที่จะกอบกู้แผนการและนำพามนุษยชาติทั้งมวลในกาแลกซีทางช้างเผือก ให้ผ่านพ้นอนารยยุคสามหมื่นปี (หรือนานกว่านั้น) ตกเป็นหน้าที่ของสถาบันสถาปนาแห่งที่สอง ซึ่งกล่าวกันว่าถูกก่อตั้งขึ้นอย่างลึกลับจนกลายเป็นตำนาน ไม่ปรากฏทั้งที่ตั้งและตัวตนอย่างชัดเจน
แต่ดูเหมือนทั้งมโนมัยและชาวสถาบัน-สถาปนาที่หนึ่งจะเชื่อว่ามีอยู่จริง และต่างก็พยายามค้นหาอย่างเต็มสติกำลัง โดยมีจุดมุ่งหมายตรงข้ามกัน มโนมัยนั้นมุ่งค้นหาสถาบันสถาปนาแห่งที่สอง เพื่อกำจัดอุปสรรคสุดท้ายในการครอบครองจักรวาล ในขณะที่สถาบันสถาปนาแห่งที่หนึ่งนั้นหวังจะได้ผู้ช่วยโค่นล้มมโนมัย และรื้อฟื้นแผนการเซลด็อน พร้อมทั้งหน้าตาและศักดิ์ศรีของตนให้กลับคืนมา
ในความพยายามของชาวสถาบันสถาปนาแห่งที่หนึ่งนั้น ยังแฝงด้วยธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์ คือความหวาดเกรงในสิ่งซึ่งไม่ปรากฏตัวตนชัดเจน และไม่ชอบให้ใครมาครอบงำบงการชีวิต ดังนั้นหากสถาบันสถาปนาแห่งที่สองมีตัวตนอยู่จริง ก็จะต้องเผชิญภัยทั้งสองด้าน ทั้งจากมโนมัยและพวกเดียวกันเองที่ไม่ชอบให้ใครเด่นกว่า… "
สเปคตรัม7 ประหนึ่งจะเย้ยรัตติกาล
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518 หนา 293 หน้า ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
1.ประหนึ่งจะเย้ยรัตติกาล แปลโดย ยรรยง เต็งอำนวย (Against the Fall of Night by Arthur C.Clarke)
2.น้องชาย แปลโดย ดนุ เบญจพลชัย (His Brother's Weeper by Robert Silverberg)
3.เราเกือบไม่ได้ทำอะไรผิดเลยใช่มั้ย แปลโดย ไตรรัตน์ ใจสำราญ (We didn't do Anything Wrong, Hardly by Roger Kuykendall)
4.จดหมายจากอนาคต ผลงานของ ธารา ชลปราณี
5.สมการปริศนา แปลโดย คัทลียา (The Key by Isaac Asimov)
สเปคตรัม8 สัญชาตญาณ
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518 หนา 256 หน้า ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
1.สัญชาตญาณ แปลโดย กวิน ชุติมา (Instinct by Lester Del Rey)
2.ผลิตในส.ร.อ. แปลโดย ดนุ เบญจพลชัย (Made in U.S.A. by J.T. Mcintosh)
3.ชัยชนะโดยไม่คาดฝัน แปลโดย ยรรยง เต็งอำนวย (Victory Unintentional by Isaac Asimov)
4.เครื่องสมภาพ แปลโดย ธารา ชลปราณี (The Equalizer by Jack Williamson)
5.ปฏิวัติสมอง แปลโดย ไตรรัตน์ ใจสำราญ (Descent of Man by J.A. Lawrence)
สเปคตรัม9 สุดสิ้นกลิ่นน้ำนม (Childhood's End)
ผลงานของ อาเธอร์ ซี คล๊าก (Arthur C. Clarke) แปลโดย ภาพรรณ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518 หนา 372 หน้า
"คือเรื่องราวของมนุษยชาติภายใต้การปกครองของ เทพ สิ่งมีชีวิตลึกลับจากอวกาศ พวกเทพคือเหนือหัว ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม นำความสงบสันติและสมบูรณ์พูนสุขมาสู่มนุษยชาติ...แต่อะไรคือจุดประสงค์ของพวกเขา อะไรคือแผนการขั้นสุดท้ายของพวกเขา อะไรคือจุดหมายปลายทางของมนุษยชาติภายใต้การนำของพวก 'เทพ'
สุดสิ้นกลิ่นน้ำนม เรื่องของมนุษย์ในยุคทอง มนุษย์รุ่นสุดท้าย และมนุษย์คนสุดท้ายของโลก....
อะไรจะสำคัญยิ่งไปกว่าความอยู่รอดของมนุษยชาติ..."
สเปคตรัม10 โลหะนคร (Cave of Steel)
ผลงานของ ไอแซค อาซิมอฟ (Isaac Asimov) แปลโดย ภาพรรณ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2519 หนา 432 หน้า
"อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อ ไลจี เบลี่ย์ สันติบาลชาวโลก เป็นเพียงผู้เดียวที่จะต้องร่วมมือและแข่งขันกับหุ่นยนต์นักสืบของชาวอวกาศ ในการควานหาตัวฆาตกรเพียงคนเดียวจากมนุษย์นับเป็นสิบๆล้านคนในโลหะนคร...
อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อ ไลจี เบลี่ย์ เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่จะแก้ปมปริศนาฆาตกรรมอันเกือบสมบูรณ์แบบ เพื่ออนาคตของตัวเขาเอง..เพื่อความอยู่รอดของคนทั้งโลก.. เพื่อป้องกันมิให้เพลิงแห่งสงครามลุกลามไปทั้งกาแลกซี่...
นิยายวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการสืบสวนคดีฆาตกรรมที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ คือแทบจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย กว่าจะคลี่คลายได้ก็ในวินาทีสุดท้ายแล้ว
เป็นนิยายเด่นสุดเรื่องหนึ่งของ อาซิมอฟ เจ้าแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ ที่เขียนขึ้นเพื่อลบล้างคำพูดที่ว่านิยายวิทยาศาสตร์ที่ดีและนิยายประเภทสืบสวนที่ดีนั้นไปด้วยกันไม่ได้..."
ไดเมนชั่น
ไดเมนชั่น เป็นหนังสือปกอ่อน กระดาษธรรมดา เล่มเล็กขนาดประมาณ 110x180 มม. จัดพิมพ์โดย สนพ.คอลเลจ บุคส์ เป็นหนังสือประเภทเรื่องสั้น โดยคณะผู้จัดทำได้แถลงไว้ในคำนำเล่มที่1 ดังนี้
"ไดเมนชั่น ชื่อนี้คงทำให้ท่านผู้อ่านสงสัยว่าเป็นชื่ออะไร เป็นหนังสือประเภทไหน กำหนดออกเมื่อไร...
ไดเมนชั่น มาจากภาษาอังกฤษ Dimension แปลตามความหมายว่า มิติ..มิติสิ่งเร้นลับ ซึ่งต้องติดตามค้นคว้าตลอดไป โดยเฉพาะมิติของเวลา นักเขียนจำนวนมากที่เอาความลึกลับของเวลามาเขียนเป็นนิยายวิทยาศาสตร์
ไดเมนชั่น ในความหมายของคณะผู้จัดทำหนังสือชุดนี้คือนิยายวิทยาศาสตร์เรื่องสั้น ซึ่งผ่านการคัดเลือกมาอย่างดีเพื่อสร้างความบันเทิงให้ผู้อ่านทุกๆท่าน
ไดเมนชั่น สามารถผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ออกมาสู่สายตาท่านผู้อ่านได้โดยความร่วมมือช่วยเหลือของกลุ่มผู้จัดทำหนังสือวิทยาศาสตร์ชุด สเปคตรัม จัดว่าเป็นวิวัฒนาการจากสเปคตรัม ..."
ไดเมนชั่น1
แปลโดย ดนุ เบญจพลชัย พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518 หนา 239 หน้า
ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
1.มนุษย์ล่องหน (To See The Invisible Man by Robert Silverberg)
2.พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ (Tomorrow and Tomorrow and Tomorrow by Kurt Vonnegut)
3.คืนที่ตาย (The Dying Night by Isaac Asimov)
4.ปราสาทที่หก (The Sixth Palace by Robert Silverberg
5.ม้วยด้วยหฤหรรษ์ (Death by Ecstasy by Larry Niven)
ไดเมนชั่น2
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2518 หนา 230 หน้า
ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
1.งานชิ้นสุดท้ายของไกย์ แปลโดย ธารา ชลปราณี (The Right Man For The Right Job by J.G. Thomson)
2.อาหารเทวดา แปลโดย ยรรยง เต็งอำนวย (The Food of The God by Arthur C. Clarke)
3.โอโลก , ถ้าฉันลืมเจ้า... แปลโดย ยรรยง เต็งอำนวย (If I Farget You , Oh Eath... by Arthur C. Clarke)
4.สุดทางแก้ แปลโดย กฤษดา ชวนเจริญ
5.เครื่องจักรมนุษย์ แปลโดย กวิน ชุติมา (Solar Plexus by James Blish)
6.หุ่นมนุษย์ แปลโดย อภิพล กิตติมานนท์ (Changelling by Ray Bradbury)
7.ข้อพิสูจน์ แปลโดย ธารา ชลปราณี (Evidence by Isaac Asimov)
8.เขาสร้างบ้านที่ไม่เหมือนใคร แปลโดย ณรงค์ กิตติ (And He Built a Crooked House by Robert Heinlein)
9.ไปตกปลา แปลโดย เจี๊ยบ (Gone fishin' by Robin Scott Wilson)
ไดเมนชั่น3
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2519 หนา 226 หน้า
ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
1.ใครลิขิตชีวิตนี้? แปลโดย ธารา ชลปราณี (Statistician's Day by James Blish)
2.ลมสุริยัน แปลโดย ยรรยง เต็งอำนวย (Wind From the Sun by Arthur C. Clarke)
3.ชะตากรรม แปลโดย เถกิงเดช คุววัฒนสัมฤทธิ์ (Prone by Mack Reynolds)
4.เพื่อนบ้านผู้น่าสนใจ แปลโดย สืบสาย ค. (Such Interesting Neigbours by Jack Finney)
5.ราตรีนรก แปลโดย ปิยะนุช อภิพล (The Fire of The Night by David Echison)
6.คนหน้าหาย แปลโดย เจี๊ยบ (The Lost Face by Josef Nesvadba)
7.พลังสมอง แปลโดย จิรพล ฉายัษฐิต (The Feeling of Power by Isaac Asimov)
ไดเมนชั่น4
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2519 หนา 225 หน้า
ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
1.เอลลิส พลเมืองรุ่น 9479 : สิ่งแปลกปลอมจากอากาศ ชิ้นที่ 9479 แปลโดย สุรศักดิ์ อดิศรเกษม
2. แคมเปียส : วิถีทางอันไม่มีที่สิ้นสุด แปลโดย ยรรยง เต็งอำนวย
3. ก็มันเป็นเพียงเครื่องจักรเท่านั้น : เครื่องจักรทำงานมีประสิทธิภาพดีมาก จนทำให้คนสี่ล้านคน ติดอยู่ใน "เครื่องโทรภัณฑ์" แปลโดย กวิน ชุติมา (Counter Fail by George O. Smith)
4. .01 ของ .0000001 มม. : ช่องว่างของเวลาที่จะทำให้ท่านพบบ้านที่แท้จริง แปลโดย มอร์ตัน
5.เหตุผล : เรื่องของหุ่นยนต์ที่ต้องการรับฟังคำสั่งที่มีเหตุผลเท่านั้น แปลโดย เจี๊ยบ (Reason by Isaac Asimov)
6.ไทโอติโมลีน : สารที่สามารถทำนายอนาคต แปลโดย จิระพล ฉายัษฐิต (Thiotimolean and Space Age by Isaac Asimov)
7.เวลาที่ไม่รู้จบ : ท่านจะพบกับตัวของท่านเองได้ถ้าเดินทางเข้าไปในอดีต แปลโดย สืบสาย ค. (...And It Cames Out Here by Lestix Sel Rey)
ไดเมนชั่น5
พิมพ์ครั้งที่ 1 ประมาณ พ.ศ.252x หนา 224 หน้า
ประกอบด้วยเรื่องสั้นดังนี้
1.อุโมงค์อังคาร แปลโดย เจี๊ยบ
2.งูกินหาง แปลโดย ประสิทธิ์ สุวรรณวิทยา (All you Zombies by Robert A. Heinlein)
3.ทางออกของเบยาร์ด แปลโดย ธารา ชลปราณี (Horizontal Spy by David Coles)
4.หากฉันจะบอกเธอ แปลโดย ประสิทธิ์ พันธุ์บุญเกิด
5.กำซาบสวาท แปลโดย ชิงชัย วิณิชย์อนันต์
6.โธ่เอ๋ย โง่แล้วยังบัดซบด้วย แปลโดย ธารา ชลปราณี (A Round Billiard Table by Steve Hall)
7.การผจญภัยของกีเว่อร์ (Geever's Flight by Charles E. Fritch)